รีวิวรถใหม่ 2019 : ทดลองขับ  TOYOTA COROLLA ALTIS HYBRID  ขับดีแค่ไหน ประหยัดเป็นอย่างไร ระบบความปลอดภัยดีมั้ย เรามีคำตอบให้

 

 

เว็ปไซต์ Carinner.com ร่วมทดลองขับรถยนต์ไฮบริด ในกลุ่ม C-Segment โฉมใหม่ล่าสุด  ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS เจนเนอร์ชั่นที่ 12  ที่พัฒนาใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่แพลตฟอร์ม TNGA รูปลักษณ์และเครื่องยนต์ ชูจุดแข็ง ของจ้าวตลาด ซึ่งมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง เบนซิน 1.6 และ 1.8  ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์ไฮบริด ใหม่ล่าสุด สำหรับโคโรลล่า  โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 829,000 – 1,099,000 บาท

บริษัท โตโยต้า ประเทศไทย  จำกัด จัดการทดสอบ ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS HYBRID ใหม่ในเส้นทาง   เส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา เพื่อลองขับให้เห็นถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะการใช้งานจริง ๆ ทั้งในและนอกเมือง นอกจากนี้ยังจัดให้ลองทดสอบระบบอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งเข้ามาในรถคันนี้ ณ โตโยต้า ไดร์ฟวิ่ง เอ็กซ์พีเรียล ปาร์ค

 

 

รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ถ่ายทอด ดีเอ็นเอ หน้าตาที่เต็มไปด้วยเส้นสายมากมาย จากรุ่นพี่อย่าง โตโยต้า คัมรี  ไฟหน้า ดูโฉบเฉี่ยว แบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างในช่วงกลางวัน Daytime Running Lights แบบ LED  และแนวเส้นสายที่เป็ยแถบโครเมี่ยม ทั้งบริเวณกระจังหน้าและกันชนให้ความรู้สึกหรูหราผสมกับความสปอร์ตด้วยตะแกรงสีดำขนาดใหญ่บริเวณกันชนที่ดูคล้ายกับ คันรี่โฉมปัจจุบัน ส่วนไฟท้าย เป็นเส้นนำแสง  LED  ดูหรูทันสมัย พร้อมด้วยล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว

 

 

สำหรับ ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS โฉมนี้เปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มใหม่แบบ  TNGA ที่ใช้ในรถรุ่นใหม่ ๆ  ของโตโยต้า อาทิ  คันรี่ และ ซีเอชอาร์  ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่นี้ ได้รับการยอมรับ เป็นที่ชื่นชม มากมายจากลูกค้า ถึงเรื่องของการทรงตัวและการบังคับควบคุมที่โดดเด่นมาก

 

 

 

ภายใน ถูกพัฒนาให้กว้างขวาง ทันสมัย ดูเรียบหรู ออกแบบคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเป็นหลัก แต่สิ่งที่คัดใจทีมงานคือ คอนโซลกลาง ออกแบบมาดูใหญ่แต่ไม่สามารถเก็บมือถือได้ต้องวางในตำแหน่งที่่วางแก้วน้ำ แต่ก็ทดแทนด้วย ระบบมัลติฟังชั่นการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว

 

 

หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อ  T-CONNECT  ติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ หน้าตาทันสมัยแต่ยังไม่สามารถปรับแบบแยกอุณหภูมิ ซ้าย/ขวา ได้ มีระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารแบบ Nanoe ที่สร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบเพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค ติดตั้ง Wireless Charger มาให้ส่วนกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ  มีระบบ Auto Brake Hold และ Electric Parking Brake มีระบบเบรกมือไฟฟ้ามาให้ เบาะนั่งด้านหลังมีช่องลมแอร์ ให้ความเย็นสบายทั่วถึง  พร้อมม่านบังแดดที่กระจกหลัง  เบาะนั่งคู่หน้าปรับและควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าไฟฟ้า เบาะด้านหลังนั่งสบาย มีพื้นที่เหนือศรีษะและพื้นที่ส่วนหัวเพียงพอ

นอกจากนี้ อับติส ไฮบริด โฉมใหม่ ยังจัดวางตำแหน่งของ แบตเตอรี่ไว้ใต้เบาะนั่งผู้โดยสารแถวหลัง และยังติดตั้งพัดลมระบายความร้อนที่สามารถปรับเพิ่มความแรงของมอเตอร์เป็น 7 ระดับ ช่วยให้ลดความร้อนของตัวแบตเตอรี่ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น  และการจัดวางตำแหน่งแบตเตอรรี่ บริเวณนี้ก็ยังทำให้ไม่เสียพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังอีกด้วย

วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังสังเคราะห์ (สีดำ) เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า (ปรับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า) ระบบเครื่องเสียง:วิทยุ (ลำโพง 6 ตำแหน่ง), MP3, DVD, CD, จอภาพ Touch Screen (8 นิ้ว รองรับ Apple car play)  มีจอ Monitor (แสดงระดับสิ้นเปลืองน้ำมัน) มีช่องต่อ USB (ด้านหน้า 1 จุด ด้านหลัง 2 จุด), ช่องต่อ Aux, Bluetooth, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง  รวมถึงบริเวณเข่าด้านคนขับ และถุงลมนิรภัยคู่หลัง รวมถึงม่านนิรภัยที่กระจก

 

 

เครื่องยนต์ไฮบริด บล็อคนี้ใช้ร่วมกับ  C-HR แต่พัฒนาและจูนอัพใหม่  โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Hybrid แบบ 4 สูบ รหัส 2ZR-FXE Atkinson cycle 1,798 ซีซี พร้อมวาล์วแปรผัน VVT-i ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แรงดันไฟฟ้า 600 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Nickel metal Hydride (Ni-MH) แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ 28 Modules 6.5 Ah รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ E-CVT ให้การประหยัดถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร

 

 

หลังจากรับฟังข้อมูลของรถจากฝ่ายเทคนิคและผู้บริหารของ โตโยต้า ในช่วงเช้าเป็นการทดสอบในสนาม TOYOTA DRIVING EXPERIENCE PARK  ซึ่งเป็นสนามทดสอบรถ ก่อนที่จะเดินทางไปพัทยา เริ่มจาก การขับแบบ สลาลม (Slalom) ต่อด้วยการทดสอบการบังคับควบคุมและช่วงล่างรวมถึงระบบรักษาสเถียรภาพการทรงตัว ในสถานี LaneChange ขับเปลี่ยนเลนกระทันหัน  และทดสอบระบบบช่วล่างและการตอบสนองต่อพวงมาลัย (Acceleration) บนสภาพถนนที่แตกต่าง ต่อด้วยการทดสอบระบบเบรก (ABS) และระบบเสริมแรงเบรก BA (Break Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) บนสภาพพื้นผิวธรรมดาและพื้นผิวลื่น  ซึ่งต้องยขอมรับว่า ช่วงล่าง TNGA และระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ติดตั้งเข้ามานั้น ทำได้ดีย่างชัดเจน

 

 

เรียกได้ว่า ช่วงล่าง และการตอบสนอง ของ อัลติส ไฮบริด ใหม่ ดีมากสอบผ่านทุกสถานี  รถเสียอาการน้อย และ ระบบเบรก(ABS) ที่มาพร้อมพร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD และ ระบบเสริมแรงเบรก BA (Break Assist)  ไม่พบอาการสะท้านบนพวงมาลัย  เบรก ได้อย่างมั่นใจ และควบคุมรถได้ง่าย

 

 

นอกจากนี้ช่วงล่าง ยังปรับเซทมาให้ดีกว่ารุ่นเดิมมาก ในความเร็วสูงรถให้การเกาะถนนที่ดี อาการโค้งหรือโยนคอสะพาน หายไปทำให้มั่นใจในการขับขี่ขึ้น พร้อมทั้งพวงมาลัยมีน้ำหนักที่ดีในความเร็วสูง ควบคุมได้ง่ายขึ้นมาก วิ่งทางตรงยาวๆไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไป เพราะในคันนี้มีระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed range สามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้าด้วยเรดาห์ซึ่งค่อนข้างจะทำงานได้แม่นยำ และถ้ามีรถเข้าแทรกตัดหน้ารถจะชะลอความเร็วทิ้งระยะเท่าเดิมที่่ตั้งไว้ ด้วยระบบเรดาห์ สิ่งที่ประทับใจในระบบนี้สามารถทำงาน ได้จนรถหยุดนิ่ง และเมื่อคันหน้าออกตัวรถก็จะเร่งตามคันหน้าเช่นเดิม(หยุดไม่เกิน 4 วินาที ถ้าเกินต้องกดคันเร่งช่วยในการออกตัวเบาๆ) และยังมีระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เองอีกต่างหาก เรียกว่าจัดเต็มจริงสำหรับ ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID

 

 

ขับทดสอบแบบใช้งานจริง

จากสนามทดสอบ TDEX บางนา มุ่งหน้าสู่ เมืองพัทยา เครื่องยนต์ ไฮบริด ของอัลติส ใหม่ขับใช้งานจริง สามรถตอบสนองอัตราเร่งได้ดี ช่วงเร่งแซงมอเตอร์ไฟฟ้า เข้ามาช่วงเสริมให้กับกำลังเครื่องยนต์ ทำให้ตอบสนองได้อย่างเพียงพอกับการใช้งาน ไม่ได้แรงมากแต่ก็ตอบสนองได้ดีเช่นกัน  เรียกว่ามอเตอร์เข้ามาเสริมในช่วงเร่งแซงหรือออกตัวได้อยางรวดเร็ว  ความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อเป็นการถนอมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า และเพื่อความทนทานของเครื่องยนต์ไฮบริดด้วย จึงปรับเซ็ตให้เหมาะสมกับรถและการใช้งานมากกว่า

 

 

ระยะทางไปพัทยาครั้งนี้ไกลเป็นเท่าตัว เนื่องจากทางทีมงาน อยากให้เราได้ลอง ทดสอบสมรรถนะกันอย่างเต็มที่  จากมาตรวัด ระยะทางที่วิ่งไปเกือบ 27 กิโลเมตร วิ่งเหมือนขับใช้งานจริง ดความเร็ว ในช่วง กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเฉลี่ยที่ทำได้สำหรับ ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID อยู่ที่ 20 กิโลเมตร/ลิตร  อยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์ อีโคคาร์ ที่เคยทำได้

สรุป

ถ้าจะพูดถึงจุดเด่นของรถรุ่นนี้ ก็น่าจะเป็นในเรื่องของความประหยัด เพราะคู่แข่งในกลุ่ม ต่างก็เน้นในเรื่องของสมรรถนะ เป็นหลัก แต่ อัลติส ไฮบริด เป็ฯเ้พียงรุ่นเดียวในตลาด สำหรับกลุ่ม C-SEGMENT  เพราะอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ในระดับเดียวกับรถยนยต์ อีโคคาร์  แต่ยังให้การตอบสนองที่ดี รวมถึงระบบความปลอดภัยที่เพียบพร้อม และระบบโครงสร้างและช่วงล่าง TNGA ที่ช่วงเปลี่ยนความรู้สึกเดิม ๆ ของ รถยนต์โตโยต้า ให้ดู หนักแน่น มั่นใจมากขึ้น ในการขับขี่

ผู้ที่ต้องการรถที่ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ความทนทาน เหมาะกับการใช้งานในเมือง คนที่ชอบขับขี่แบบเรื่อยๆไม่ได้ชอบความเร็ว ค่าตัวมีความคุ้มค่าเงินสุด สู้คู่แข่งได้ไหม เทียบกันในกลุ่ม C-Segment ทุกคันชัดเจนในการวางกลุ่มลูกค้า Madza3 หรูหรา Civic ขับขี่สนุกสนาน ALTIS อยู่ระหว่างกลาง ส่วนหน้าตาแล้วแต่ความชอบส่วนตัว