HONDA CIVIC HATCHBACK สปอร์ต 5 ประตู

ฮอนด้า เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่
สปอร์ต พรีเมียม ขุมพลัง VTEC TURBO

 

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ต่อยอดความสำเร็จด้วยการยกระดับ ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 ให้ก้าวล้ำไปกว่าเดิม ในรูปแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตู เอกลักษณ์แห่งความสปอร์ตพรีเมียม ที่พร้อมเติมเต็มทุกการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยดีไซน์การออกแบบที่สปอร์ต และโฉบเฉี่ยว พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC TURBO ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม พร้อมเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และมาตรฐานความปลอดภัยล้ำสมัย

 

ฮอนด้า ซีวิค เป็นรุ่นที่มียอดขาย สูงที่สุดของฮอนด้า โดยในปัจจุบัน ฮอนด้า ซีวิค มีให้เลือกทั้งแบบ ซีดาน คูเป้ และแฮทช์แบ็ก ซึ่งจำหน่ายในมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค ซีดาน ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งของฮอนด้า รวมทั้งยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพคท์ทั้งในเรื่องของสมรรถนะ พื้นที่ใช้สอย ความประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัย ล้ำสมัย

 

ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งมาพร้อมกับรูปทรงในสไตล์แฮทช์แบ็กที่ดูสปอร์ตพรีเมียม ผสานด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ VTEC TURBO ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ดีเยี่ยม และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีอีกด้วยแนวคิดการออกแบบ ‘The Civic-Creating a way of Life’ เพื่อสร้างสรรค์ให้ “ซีวิค” เป็นยนตรกรรมที่ผสมผสานจุดเด่นในด้านต่างๆ ที่เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาทิ สมรรถนะการขับขี่ ความประหยัดน้ำมัน และพื้นที่ใช้สอย เป็นต้น เพื่อสร้างสรรค์ วิถีการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ โดยมีพื้นฐานการพัฒนาอันประกอบด้วยหลัก 3 ประการ คือ

1. ความโดดเด่นของดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งความโดดเด่นของเทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม (Charismatic)

ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว ผสมผสานกับการนำเอาเทคโนโลยีระดับสูงที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ระดับที่สูงกว่า รวมทั้งการออกแบบภายในห้องโดยสารที่ล้ำสมัยที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย และการเลือกใช้วัสดุในการตกแต่งที่มีคุณภาพสูงนอกจากนี้ ในตำแหน่งของผู้ขับขี่ยังมาพร้อมกับพื้นที่ด้านหน้าที่ให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ชัดเจนอีกด้วย

2. จิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อน (Soulful)

ฮอนด้า ซีวิค แฮทซ์แบ็ก ใหม่ ผ่านเงื่อนไขการทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมและการใช้งานจริง
จึงให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังในสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของการทรงตัว ความมั่นใจ
พร้อมตำแหน่งที่นั่งคนขับที่ต่ำ ให้อารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ต รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเทอร์โบ
ในเครื่องยนต์เบนซินที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

3. สุนทรียภาพทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยเหนือระดับ (Comfortable) อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) เป็นต้น

 

รูปลักษณ์ภายนอก

ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Exciting Hatch!” เน้นการออกแบบในสไตล์ที่ล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างร่วมกันกับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ลักษณะตัวถังยังคงให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง ผสานกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่คมชัด ซึ่งออกแบบมาให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ เอื้อประโยชน์ทั้งในเรื่องความประหยัดน้ำมันและช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร

ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ใช้ตัวถังส่วนหน้า และมีระยะฐานล้อเดียวกันกับ ซีวิค ซีดาน รุ่นปัจจุบัน แต่ระยะตัวถังตั้งแต่เสากลาง หรือ B-Pillar ไปจนถึงด้านท้ายของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ โดยแนวเส้นหลังคาด้านท้ายจะมีความสูงมากกว่ารุ่นซีดาน เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ในขณะที่ระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านท้ายของตัวรถสั้นลงเพื่อให้อารมณ์ความสปอร์ต ตามแบบฉบับรถยนต์สไตล์ยุโรป

ภาพโดยรวมของตัวรถเมื่อมองจากด้านข้างถูกออกแบบให้กว้าง และต่ำลงในสไตล์สปอร์ต โดยมีตัวถังที่กว้างขึ้น 30 มิลลิเมตร ตัวรถมีความสูงลดลง 20 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้แนวเส้นหลังคามีความ เพรียวขึ้น นอกจากนี้ การออกแบบให้บริเวณช่วงล้อมีขนาดใหญ่ และมีหน้ากว้างมากขึ้น ช่วยให้เกิดการทรงตัวที่ดี ขณะที่ระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น ระยะโอเวอร์แฮงค์ที่สั้นลง และการปรับปรุงพื้นที่ห้องโดยสารใหม่ ช่วยสร้างสัมผัสพลังแห่งการขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี
การออกแบบด้านหน้าตัวรถของฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ เน้นความสปอร์ต และหรูหรา โดยบริเวณด้านหน้าตัวรถมีระยะโอเวอร์แฮงค์ที่สั้นลง มาพร้อมกับช่องรับอากาศบริเวณกันชนหน้าที่สวยงามโดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์สปอร์ตรูปรังผึ้ง ที่มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ ในเวลากลางวันแบบ LED ผสานกับลวดลายเส้นสายบนตัวถังที่พาดผ่านตั้งแต่ด้านหน้าตัวรถยาวไปบรรจบกับขอบไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED ในส่วนของกันชนท้ายถูกออกแบบให้มีเหลี่ยมสันที่สวยงาม พร้อมเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาในสไตล์สปอร์ตด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์รูปรังผึ้ง

 

ห้องโดยสาร

ออกแบบภายใต้แนวคิด “Daring ACE Design” ยึดหลัก “Man Maximum, Machine Minimum” ที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก รวมถึงการพัฒนาให้มีระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นและตัวถังที่กว้างขึ้น ทำให้ห้องโดยสาร เน้นการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายการออกแบบที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียมไปพร้อมกัน ผสานกับเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่ออันทันสมัย

แผงหน้าปัดมาพร้อมมาตรวัด ประกอบด้วยมาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ มาตรวัดระดับเชื้อเพลิง และมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ที่มีมาตรวัดความเร็วแสดงผลเป็นตัวเลขดิจิตอล ส่วนแผงหน้าปัดด้านบนออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้พื้นที่ช่วงหัวเข่าของที่นั่งด้านคนขับกว้างขวางขึ้น และ แผงคอนโซลกลางได้รับการออกภายใต้แนวคิด “Tech Center” ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางเทคโนโลยี โดยด้านบนแยกออกเป็น 2 ชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับช่องเชื่อมต่อ ได้อย่างเป็นระเบียบ

เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ด้วยการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น) พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่หลากหลาย โดยสามารถสลับเปลี่ยนข้อมูล และค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) สามารถสั่งการได้จากระยะไกลเพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยขณะที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดอยู่ ประตูรถจะยังคงล็อกเช่นเดิม และรถจะยังไม่อยู่ในสถานะที่พร้อมออกตัวได้ จนกว่ากุญแจรีโมทและผู้ขับขี่จะอยู่ภายในตัวรถ และกดปุ่มสตาร์ทการทำงานของเครื่องยนต์ภายในรถอีกครั้ง เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา

 

 

โครงสร้างตัวถังของ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีลักษณะที่ยาวและกว้างขึ้น รวมถึงระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ฝากระโปรงหน้ายังถูกปรับให้ลดต่ำลง และการออกแบบให้เสากระจก บังลมหน้า หรือ A-Pillar บางขึ้น ช่วยลดปัญหาการบดบังทัศนวิสัยบริเวณด้านหน้า และยังช่วยให้มุมมองบนเส้นทางด้านหน้ากว้างขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งขึ้น เมื่ออยู่ภายในห้องโดยสาร สำหรับเบาะที่นั่งด้านหน้า ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับหลักสรีระศาสตร์ โดยเบาะที่นั่งคนขับอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ ช่วยสร้างความรู้สึกมั่นใจและอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น ส่วนผู้โดยสารด้านหลังสามารถมองเห็นด้านหน้าได้อย่างชัดเจนขึ้น เนื่องจากการออกแบบรูปทรงส่วนบนของเบาะที่นั่ง คู่หน้าให้มีลักษณะที่แคบลง และหมอนรองศรีษะที่มีขนาดกะทัดรัด

 

 

 

มีพื้นที่บรรจุสัมภาระด้านท้าย 414 ลิตร โดยพนักพิงของเบาะหลังสามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 และความสูงของห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายสูง 679 มิลลิเมตร ซึ่งหากปรับพับเบาะที่นั่งด้านหลังลงทั้งหมดจะช่วยเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมาพร้อมม่านปิดสัมภาระที่สามารถเลือกปิดเก็บได้ทั้งซ้ายหรือขวา เพื่อป้องกันการมองเห็นสัมภาระที่อยู่ด้านท้าย

 

เครื่องยนต์

ขุมกำลังขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที โดยใช้เทคโนโลยีหัวฉีดไดเรคท์ อินเจคชั่น ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง พร้อมการออกแบบท่อไอดีแบบตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

การเผาไหม้ ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร

3 เทคโนโลยีหลักของ VTEC TURBO ที่ให้สมรรถนะอันทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ได้แก่

1.ระบบหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชั่น และท่อไอดีแบบตรง
โดยปกติของเครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไป จะมีการส่งอากาศที่มีแรงดันสูงเข้าไปในเครื่องยนต์ ทำให้อุณหภูมิและความดันภายในเครื่องยนต์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ชะงัก แต่ในเครื่องยนต์ VTEC TURBO ของฮอนด้า ใช้เทคโนโลยีหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชั่น โดยฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกระบอกสูบโดยตรง ช่วยลดอุณหภูมิภายในกระบอกสูบและการไหลของไอดีแบบตรง ช่วยให้อากาศและเชื้อเพลิงผสมกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นและต่อเนื่อง

2.ระบบการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วแบบคู่ (Dual VTC) ของท่อไอดีและท่อไอเสีย
เครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไปให้กำลังที่รอบเครื่องยนต์ต่ำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ไม่เต็มที่ แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO นี้มี Valve Timing Control (VTC) เพื่อควบคุมจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วของท่อไอดีและท่อไอเสียให้ทำงานสัมพันธ์กัน จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแม้ในรอบต่ำ

3.เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้า
หนึ่งในปัญหาของเครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไป คือ เทอร์โบตอบสนองช้าหลังจากเหยียบคันเร่ง จึงทำให้มีการปล่อยพลังงานไอเสียมากขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณไอดีให้สูงขึ้น แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO มีการใช้เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งใบพัดขนาดเล็ก เพื่อนำพลังงานไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อเหยียบคันเร่งเครื่องยนต์เทอร์โบสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ

 

ระบบความปลอดภัย

โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้ และเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง

ติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

 

 

เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาทิ สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) เพียงใช้นิ้วดึงสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง ระบบ Auto Brake Hold เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อให้อัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้ ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาในรุ่น HATCHBACK TURBO ราคา 1,169,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ คือ สีดำมิดไนท์เบอร์กันดี (มุก) และอีก 4 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/civichatchback หมายเหตุ: สำหรับสีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท สีดำมิดไนท์เบอร์กันดี (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท