เชฟโรเลต ย้ำ “การสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิต” สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า

รายงานพฤติกรรมผู้บริโภคของ Consumer Reports พบว่าอายุการใช้งานรถยนต์ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11 ปี หรือ 200,000 ไมล์ (ประมาณ 321,868.8 กิโลเมตร) นั่นหมายความว่า ในด้านคุณภาพ ความแข็งแรงทนทาน และความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และมอบประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์โดยปราศจากความกังวล

ด้วยเหตุนี้ รถกระบะสัญชาติอเมริกันอย่างโคโลราโด และรถอเนกประสงค์ ระดับพรีเมียม เทรลเบลเซอร์ รถรุ่นล่าสุดจึงผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตยานยนต์ของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ในจังหวัดระยอง ภายใต้ “หลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิต” หรือ Built-In-Quality (BIQ) ซึ่งจีเอ็มทั่วโลกได้นำหลักการดังกล่าวมาใช้ในทุกขั้นตอนของการผลิต

ศูนย์การผลิตยานยนต์ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย และศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ เจนเนอรัล มอเตอร์ส เพาเวอร์เทรน ประเทศไทย ได้รับการรับรองมาตรฐานการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตระดับที่ 4 หรือ Built-in-Quality (BIQ Level 4) ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตระดับสูงและถือว่าเป็นเรื่องยากที่ได้รับการรับรองดังกล่าว

นายอำนาจ แสงจันทร์ รองประธานฝ่ายการผลิต จีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวว่า “การได้รับการรับรองมาตรฐานในด้านการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตนี้ ไม่เพียงแค่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทของพนักงานที่จะผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าเชฟโรเลตยึดมั่นว่าลูกค้าเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ”

อายุการใช้งานของรถยนต์เริ่มนับตั้งแต่วันที่รถยนต์ถูกส่งมอบให้แก่ลูกค้า อายุการใช้งานของรถยนต์จะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ สภาพของพื้นถนน ลักษณะการขับขี่ การบำรุงรักษา และปัจจัยอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไม่สามารถควบคุมได้

นายอำนาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้คือ การสร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุดโดยการควบคุมกระบวนการผลิต ที่จีเอ็มเราเรียกกระบวนการนั้นว่า หลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิต ซึ่งหมายความว่า เราสร้างคุณภาพไว้ในทุกขั้นตอนการผลิต ไม่ใช่เพียงแค่ตรวจสอบคุณภาพในภายหลังเท่านั้น และด้วยการควบคุมกระบวนการผลิตทำให้เราสามารถควบคุมผลิตภัณฑ์และคุณภาพได้”

จีเอ็มใช้หลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอนของการผลิต ตั้งแต่การขึ้นรูปตัวถัง (Stamping) ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการประกอบรถยนต์จนเสร็จสมบูรณ์ (General Assembly) เพื่อให้ได้รถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุดในระดับที่ลูกค้าของเราคู่ควร

หลักการดังกล่าวทำให้การผลิตรถยนต์ของเชฟโรเลตแตกต่างจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์บางราย ที่ทำการตรวจสอบคุณภาพก่อนที่รถยนต์จะออกจากสายการผลิตหรือโรงงานเท่านั้น วิธีการดังกล่าวเรียกว่า “การตรวจสอบคุณภาพแบบทั่วไป” (Quality Inspected In) ซึ่งพบว่ามีข้อเสียหลายประการ เพราะต้องอาศัยความสามารถของผู้ตรวจสอบคุณภาพในการตรวจพบปัญหาและแก้ไขข้อผิดพลาดโดยการถอดชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ใหม่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง

“ตลอดระยะเวลากว่า 100 ปีที่จีเอ็มได้ผลิตรถกระบะและรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล เราได้พัฒนาระบบคุณภาพและกระบวนการผลิตต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตจะช่วยให้ทุกกระบวนการผลิตมีคุณภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่า ข้อบกพร่องที่อาจจะเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตนั้นจะถูกตรวจพบก่อนที่ผลิตภัณฑ์จะเสร็จสมบูรณ์” นายอำนาจกล่าว

ศูนย์การผลิตยานยนต์ที่มีความยืดหยุ่น

เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ และโคโลราโด รวมถึงรุ่นต่างๆ ได้แก่ โคโลราโด ไฮคันทรี เทรลเบลเซอร์ ซี71 (Z71) โคโลราโด สตอร์ม โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น และรถยนต์ที่ผลิตภายใต้แบรนด์โฮลเด้น ล้วนผลิตขึ้นบนสายการผลิตเดียวกัน

“จากการที่เราผลิตรถกระบะและรถอเนกประสงค์สำหรับตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ภายใต้แบรนด์เชฟโรเลตและโฮลเด้น ดังนั้น กระบวนการผลิตของเราจึงต้องมีความยืดหยุ่นในการผลิต แต่ยังคงตามมาตรฐานคุณภาพอย่างเข้มงวด” นายอำนาจกล่าว

นายอำนาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราผลิตรถยนต์หลายรุ่นทั้งที่เป็นรุ่นหลักและรุ่นต่างๆบนสายการผลิตเดียวกันนี้ที่ศูนย์การผลิต จังหวัดระยอง ซึ่งหมายความว่า เราต้องมั่นใจว่าชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ในแต่ละรุ่นจะได้รับการประกอบเข้าไปในรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง เราทำได้สำเร็จเพราะเรามีกระบวนการการผลิตที่เหมาะสมพนักงานทุกคนที่สายการผลิตและแผนกสนับสนุนมีความมุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพสูง โดยเรื่องคุณภาพนั้นไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบของทีมงานด้านคุณภาพเพียงอย่างเดียว แต่ถือเป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคนที่จีเอ็ม ประเทศไทย”

ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ที่มีความทันสมัย

ความยืดหยุ่นและคุณภาพเป็นพันธสัญญาของศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ที่ระยองเช่นกัน จีเอ็ม เพาเวอร์เทรน ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดของจีเอ็มทั่วโลก โดยจีเอ็ม เพาเวอร์เทรน ประเทศไทย ผลิตเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 4 สูบ ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.5 และ 2.8 ลิตร สำหรับโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์

ศูนย์การผลิตดังกล่าวได้นำระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและอุปกรณ์เลเซอร์มาใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำและสร้างความเชื่อมั่นในการผลิตที่มีคุณภาพ โรงงานปลอดฝุ่นและมีการควบคุมอุณหภูมิ ที่เหมาะสม เพื่อจัดการกับความชื้น และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเครื่องยนต์ที่มีคุณภาพ

การผลิตเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์คุณภาพระดับโลก ขนาด 2.8 ลิตร เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 เพื่อส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับเชฟโรเลต โคโลราโด และรถกระบะ จีเอ็มซี แคนยอน และเมื่อปี 2560 สำหรับเชฟโรเลต เอ็กซ์เพรส และจีเอ็มซี ซาวานา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการเป็นโรงงานที่มีคุณภาพระดับโลก

นายอำนาจ กล่าวทิ้งท้ายว่า “คุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานประจำวันและวัฒนธรรมของเรา โดยเริ่มมาตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารของจีเอ็มทุกคนต่างทุ่มเทและสละเวลาเพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตและคุณภาพของรถยนต์ที่เราผลิตขึ้น เมื่อเราตรวจสอบและพบข้อบกพร่อง เราจะดำเนินการแก้ไขทันที และตรวจสอบอีกครั้ง”

Leave a Reply