ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018 พิสูจน์สมรรถนะเครื่องยนต์และเกียร์ บล็อคใหม่

ฟอร์ด ประเทศไทย เชิญ Carinner ร่วมทริปทดสอบเปิดประสบการณ์การขับขี่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018 (Ford Everest) บนเส้นทางกรุงเทพฯ – เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

ก่อนออกเดินทางผู้บริหารฟอร์ด ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018” จากนั้นต่างแยกย้ายกันขนสัมภาระขึ้นรถ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ด้วยการลองใช้ฟีเจอร์ใหม่แบบแฮนด์ฟรี ที่ประตูท้าย เพียงใช้เท้ายื่นไปใต้กันชนท้าย ยื่นเท้าเข้าไปพร้อมกับชักเท้ากลับออกมาให้รวดเร็ว ประตูท้ายก็จะเปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ (แต่กุญแจจะต้องอยู่ที่ตัวคนเปิด)

วันแรก carinner ขับรถ ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ รุ่นท็อป ไททาเนี่ยมพลัส ไบเทอร์โบ 213 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกเดินทางมุ่งหน้าไปจังหวัดเพชรบูรณ์ บนเส้นทางไฮเวย์ เพื่อลองขุมพลังบล็อคใหม่ ของ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018”

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ภายนอกตกแต่งให้ดูพรีเมี่ยมขึ้น โดยกระจังหน้าปรับเปลี่ยนครีบดักลมใหม่ พร้อมกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ติดตั้งไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED และไฟหน้า HID Projector ที่ปรับระดับสูง/ต่ำ อัตโนมัติ มีระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัจฉริยะ Auto High Beam Control และมีกล้องคอยตรวจจับแสงไฟด้านหน้ารถ

ในช่วงขับทดสอบหากทางข้างหน้ามืดสนิท ระบบจะเปิดไฟสูงให้อัตโนมัติและเมื่อตรวจจับเจอแสงไฟของรถคันข้างหน้าส่องมา ระบบจะลดไฟสูงทันที หมดกังวลเรื่องไฟสูงที่จะส่องรถที่สวนมา ไฟท้ายแบบ LED ติดตั้งหลังคามูนรูฟขนาดใหญ่ (Panoramic Moonroof) และล้อแม็กซ์ ขนาด 20 นิ้ว ยางกู๊ดเยียร์ 265/50 R20

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ห้องโดยสารมีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร และให้ความสำคัญกับการลดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์และระบบเกียร์ เสริมด้วยวัสดุซับเสียงภายในห้องโดยสารให้มีประสิทธิภาพขึ้น

ในส่วนของระบบปรับอากาศเป็นแบบควบคุมแยกส่วนหน้า/หลัง โดบชุดปรับอากาศด้านหลัง สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2/3 สามารถควบคุมทั้งแรงลมและระดับความเย็นได้เอง พร้อมช่องแอร์บนเพดาน มีช่องเสียบไฟ 4 จุด แบบ (DC 12V) และปลั๊กไฟบ้าน (AC 230V)

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ด้านความบันเทิง ติดตั้งจอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และ กล้องมองหลัง รวมทั้งระบบแผนที่นำทางโดยใช้สัญญาณจากดาวเทียม ที่เพิ่มความมั่นใจในการเดินทางในพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

พัฒนาระบบเชื่อมต่อและสั่งงานด้วยเสียง ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งสามารถจดจำเสียงและสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทยได้ ช่วยโทรออก ฟังเพลง หรือเรียกใช้เมนูอื่นๆ ได้ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน รวมทั้งยังรองรับ Apple Carplay และ Android Auto พร้อมบลูทูธ

จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และ กล้องมองหลัง รวมทั้งระบบแผนที่นำทางโดยใช้สัญญาณจากดาวเทียม ที่เพิ่มความมั่นใจในการเดินทางในพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ มีระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance)

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ระบบ SYNC ที่ได้รับการพัฒนาอีกขั้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธด้วยระบบ SYNC® และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน ด้านหน้าแยกอิสระซ้าย/ขวา และระบบปรับอากาศด้านหลัง สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 พร้อมช่องแอร์เหนือศีรษะ และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 4 จุด (DC 12V) พร้อมปลั๊กไฟบ้าน (AC 230V) เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับแยก 60:40 และแถว 3 พับแยก 50:50 และปรับพับให้แบนราบได้

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

เครื่องยนต์บล็อกใหม่

ในรุ่นไททาเนี่ยม พลัส 4×4 ใช้เครื่องยนต์ เทอร์โบคู่ หรือไบ-เทอร์โบ ให้กำลังสูงถึง 213 แรงม้า ที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร (51.0 กก.-ม.)  ที่ 1,750-2,000 รตน.

ชุดส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะชุดใหม่ มีโหมดเปลี่ยนเกียร์ บวก/ลบ ซึ่งบล็อคนี้น่าจะแทนเครื่องยนต์ดีเซล 5 สูบ 20 วาล์ว ขนาด 3.2 ลิตร 200 แรงม้า ที่ 3,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 47.9 กก.-ม. ที่ 1,750-2,500 รตน.และระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ชุดเดิม

ช่วงการทดสอบอัตราเร่งพบว่า เอเวอเรสต์ ใหม่ มีอัตราเร่งที่โดดเด่น มากกว่าเดิมชัดเจน แม้จะใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กและความจุน้อยกว่า  แต่เทอร์โบคู่ ก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กำลังแรงม้าและแรงบิดที่มาก กว่ารุ่นเดิม รู้สึกได้ตั้งแต่จังหวะเร่งออกตัวหรือช่วงเร่งแซง เซ็ทจังหวะออกตัวให้นุ่มนวลในสไตล์รถครอบครัว ให้กำลังมากพอที่จะทำให้รู้สึกได้ว่า เครื่องบล็อคนี้มีการตอบสนองที่ดีกว่า เอเวอเรสต์ รุ่นเดิม และรุ่นเครื่องยนต์ 180 แรงม้าค่อนข้างชัดเจน จังหวะเร่งแซงทำได้ดี ทางตรงยาวแรงไหลลื่นทันใจ ทำความเร็วไปแตะ 180 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย จากมาตรวัดเรือนไมล์ อยู่ที่ประมาณ 8.5 กิโลเมตร/ลิตร

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

หลังอาหารกลางวันที่ อำเภอวิเชียรบุรี เราออกเดินทางไปยัง วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อำเภอเขาค้อ ข่วงนี้จะมีสภาพเส้นทางขึ้นเขา และคดเคี้ยว สามารถพิสูจน์แรงบิดที่สูงถึง 500 นิวตันเมตร และประสิทธิภาพเครื่องยนต์ รวมถึงการบังคับควบคุมและช่วงล่างได้อย่างชัดเจน

เอเวอเรสต์ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (Terrain Management System i4WD) ปรับรูปแบบการขับขี่ได้ 4 โหมด คือ Normal สำหรับพื้นถนนทั่วไป Sand สำหรับพื้นทราย Snow Or Mud สำหรับพื้นหิมะ หรือโคลน หรือทุ่งหญ้า และ Rock Crawl สำหรับพื้นหินขรุขระ พร้อมโหมด 4l และระบบล็อคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (Electronic Locking Rear Differential) นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control)

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ติดตั้งระบบกันสะเทือนหน้าแบบ อิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลัง คอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง ใช้ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า

ช่วงล่างเซ็ทมานุ่มนวลกว่าเดิม  แต่ได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลาที่แปรผันการทำงานไปยังล้อทั้ง 4 ได้ดี ทำให้ช่วงล่างที่นุ่ม เน้นขับและนั่งได้สบาย มีจังหวะโคลงบ้าง แต่อัลลอย ขนาด 20″ พร้อมยาง Goodyear ขนาด 265/50 R20 ก็ยังยึดเกาะถนนไปกับโค้งซ้ายและขวาได้อย่างดี รู้สึกถึงความนุ่มสบายกว่ารุ่นเดิม

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

เอเวอเรสต์ จัดเต็มเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และช่วยขับขี่เหนือคู่แข่ง ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ระบบตรวจจับรถในจุดบอด (BLIS – Blind Spot Information System) ที่มาพร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด (Cross Traffic Alert)กล้องมองหลังขณะถอยจอดและสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า (Rear View Camera and Sensors)

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ภาพรวมจากการทดสอบรุ่นขับเคลื่อน 4 ไททาเนี่ยม พลัส ทำได้ค่อนข้างประทับใจ ทั้งอัตราเร่งและระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มเหนือคู่แข่งในตลาด มีเพียงช่วงล่างที่รู้สึกถึงความนุ่มนวลไปบ้าง

วันที่ 2 พิสูจน์สมรรถนะ ในเส้นทางธรรมชาติ สู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง

เราเดินทางเข้าไปอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จุดหมายที่ทุ่งนางพญา โดยวันที่ 2 เราต้องเปลี่ยนมาขับ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ (หลัง) ไททาเนี่ยม พลัส ซึ่งเป็นรุ่นท็อปเช่นกัน

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

สำหรับการตกแต่งภายนอกและภายใน รุ่น ไททาเนี่ยม พลัส ขับเคลื่อน 2 ล้อ แทบไม่ต่างจากรุ่นขับเคลื่อน 4 มีเพียงเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

เอเวอเรสต์ รุ่น ไททาเนี่ยม พลัส 4×2 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 180 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. แรงบิดที่ 420 นิวตันเมตร (42.8 กก.-ม.) ที่ 1,750-2,500 รตน. บล็อกนี้มาแทนเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.2 ลิตร 160 แรงม้า ที่ 3,200 รตน. ให้แรงบิด 390 นิวตันเมตร หรือ 39.3 กก.-ม. ที่ 1,600-2,600 รตน และระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ บล็อคเดิม

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ด้านอัตราเร่ง รุ่นเครื่องยนต์ 180 แรงม้า จะจูนและเซ็ทอัพจังหวะออกตัวไว้ค่อนข้างจัดจ้านกว่ารุ่น 213 แรงม้า แต่ก็ได้ความรู้สึกแค่จังหวะออกตัว หลังจากนั้น ช่วงเร่งต่อเนื่องจะต้องใช้คันเร่งที่หนักมากขึ้นและเห็นถึงความแตกต่างของเครื่องยนต์ 180 แรงม้าและ 213 แรงม้า ทันที เรียกว่าให้กำลังมาเพียงพอแต่การตอบสนองต่าง ๆ ยังสู้รุ่น เทอร์โบคู่ 213 ไม่ได้ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากมาตรวัดเรือนไมล์ อยู่ที่ประมาณ 10 กิโลเมตร/ลิตร

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

สำหรับการทดสอบในเส้นทางธรรมชาติ แม้ว่าเราจะขับรุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อเดินทางเข้าไป แต่สภาพเส้นทางธรรมชาติ ช่วงนั้น ไม่ได้สมบุกสมบันมากนัก เรียกว่ายังสามารถใช้รถขับเคลื่อน 2 ล้อ ผ่านเข้าไปได้ ที่สำคัญ เอเวอเรสต์ มีความสูงใต้ท้องจากพื้นถึงตัวรถ 225 มม. สูงที่สุดในรถระดับเดียวกัน และลุยน้ำได้ลึก 800 มม. กับมุมไต่ 29 องศา และมุมจาก 25 องศา มุมคร่อม 21 องศา ทำให้เราสามรถข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดเส้นทางไปได้อย่างสบาย

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง ใช้ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20

ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่สะดวกสบาย และช่วงล่างแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์ด้านหลัง รวมทั้งการปรับเซ็ทโช้คอัพที่เน้นควมนุ่มนวลมากขึ้น ทำให้ในช่วงขากลับเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ รู้สึกถึงความต่างจากการปรับเซ็ทโช้คอัพค่อนข้างมาก เพราะมีการโยนตัวของรถ อาการดิ้นของช่วงล่างที่มากขึ้น เรียกได้ว่าคาแร็คเตอร์ เดิม ๆ ที่แน่นหนึบกระด้างเล็กน้อยนั้นหายไป จากการขับทดสอบทั้ง 2 รุ่นจะพบว่า รุ่น ขับเคลื่อน 4 จะควบคุมรถได้ดีกว่า อาการยุบย้วยก็มีไม่เท่ากับรุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ด้านเทคโนโลยีช่วยขับขี่ และระบบปลอดภัยก็ให้มามากมาย ไม่ต่างจากรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อไททาเนียม พลัส

ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบแจ้งเตือนการขับขี่  ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ กล้องมองหลังขณะถอยจอดและสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า ระบบตรวจจับรถในจุดบอด ที่มาพร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด

นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบความปลอดภัย ทั้ง ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ของฟอร์ด ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน  และระบบตรวจจับยานพาหนะ บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป มีระบบตรวจจับลมยาง กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับ สามารถสตาร์ทรถได้รวดเร็ว สะดวกสบายกว่าเดิม

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

บทสรุป
ภาพรวมหลังการทดสอบ พบว่า ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นปี 2018 ได้รับการพัฒนาเครื่องยนต์ให้โดดเด่นมากขึ้น มี 2 ทางเลือก ทั้ง 180/213 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ตอบสนองได้ดี และมีบุคลิคการเร่งที่ต่างกนชัดเจน ให้กำลังเหลือ การขับใช้งานรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะดูลงตัวมากกว่า รุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ค่อนข้างนุ่มนวล แต่ก็ต้องจ่ายราคาค่าตังรถที่แพงกว่า เรียกว่าเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความสมบรูณ์แบบจัดเต็มด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยเหนือคู่แข่ง การใช้งานค่อนข้างลงตัวลุ้นเครื่องยนต์และเกียร์ทนอึดก็พอ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2018

ราคา ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่

รุ่นไทเทเนี่ยม พลัส เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ราคา 1,799,000 บาท

รุ่นไทเทเนี่ยม พลัส เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ราคา 1,599,000 บาท

The gallery was not found!