ทดสอบสมรรถนะ MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

 

สิ่งที่ชอบ
-รูปลักษณ์ที่โดดเด่น
-ฟีเจอร์ที่ทันสมัย
-การบังคับควบคุมและเบรก

สิ่งที่อยากให้มี
– ไฟส่องสว่างภายในสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
– ช่องแอร์ด้านหลังบริเวณคอนโซลเกียร์
– ระบบอัดกำลัง เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

 

CARINNER นำรถยนต์เอ็มจี เซดเอส 1.5 เอ็กซ์ ( MG ZS 1.5 X ) รถยนต์ครอสโอเวอร์รุ่นใหมที่กำลังเป็นดาวเด่น ของค่ายนี้เพราะขายดิบขายดี มียอดจองมากมาย แอดมินจึงไม่พลาดที่จะนำมาทดสอบพร้อมกับทดลองใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ในรถรุ่นนี้

เมื่อพูดถึง MG ZS คันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นรุ่นที่ทำให้ MG  เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากภาษาทางการสื่อสาร ฮัลโล เอ็มจี (HELLO MG) ทำให้คุ้นหู จากสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมทั้งยังเป็นคำที่ใช้ในการสั่งงาน ผ่านระบบวอยซ์คอนโทรล หรือระบบสั่งงานด้วยเสียง เกริ่นมาอย่างนี้หลายท่านคงอยากรู้ถึงสมรรถนะและฟีเจอร์ ว่าน่าสนใจมากแค่ไหน

MG ZS เป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ ที่นำเข้ามาขายโดย บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยสื่อสารผ่านการตลาดเรยกว่าเป็น SMART SUV ภายนอกใช้แนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) เน้น 3 คอนเซ็ปท์หลัก คือ ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว / เร้าอารมณ์ และปราดเปรียว มิติตัวถังยาว 4,314 มม. กว้าง 1,809 มม. และสูง 1,624 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,585 มม. ช่วงล้อคู่หน้า 1,526 มม. ล้อคู่หลัง 1,534 มม เรียกได้ว่าสัดส่วนตัวรถเทียบชั้น ครอสโอเวอร์เครื่องยนต์ 1.8 ไฮบริด อย่าง โตโยต้า ซีเอช-อาร์ หรือ 2.0 ลิตร อย่าง มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เพียงแต่เลือกทำตลาดด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า

ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ หลอดแบบฮาโลเจน สามารถปรับระดับลำแสงไฟหน้าให้ สูง/ต่ำได้ มีระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวัน ไฟตัดหมอกหน้า/หลัง กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแอลอีดี สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี ติดตั้งราวหลังคาขนาดใหญ่ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางโยโกฮามา ขนาด 215/50 R17

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0
หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา แบบเดียวกับรถยนต์หรู ที่มีขนาดใหญ่ ใหญ่เกือบเต็มพื้นที่หลังคา ทำให้รู้สึกโปร่งสบายเมือ่นั่งอยู่ภายในรถ โลโก้ MG ด้านหลัง ออกแบบเป็นที่เปิดประตูท้าย ดูโดดเด่นและแข็งแรง

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

กระจังหน้าขนาดใหญ่ดูสปอร์ตและหรูหราตามสมัยนิยม ไฟท้ายแบบแอลอีดี (LED TUBE ด้านข้างเน้นความปราดเปรียวมีเส้นสายชัดเจน ล้อแม็กซ์ แบบ Bi-Colour ขนาด 17 นิ้ว

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

ห้องโดยสารมีดีไซน์ที่หรู ชวนมอง ตกแต่งแบบทูโทน สไตล์รถยุโรป ใช้วัสดุผิวสัมผัสที่ครูสคอนโทรล ช่องแอร์ ขวา/ซ้าย ทรงกลมแบบเจ็ทเทอร์ไบน์ พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้าน แบบ มัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต นุ่ม มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ปรับระดับได้ 2 ทิศทาง สามารถควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ด้วยปลายนิ้วสัมผัส ปุ่มสตาร์ท และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อม USB ช่องจ่ายไฟ 12 โวลท์ นอกจากนี้ ยังมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยหลัง

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

ระบบเครื่องเสียงภายในรถ มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART แสดงผลผ่านจอสี ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่ควบคุมการทำงานง่าย มีระบนำทางผ่านเดียวเทียม และฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อและการสั่งงานอุปกณ์ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะ ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย THAI VOICE COMMAND ซึ่งจัดได้ว่าเป็นเจ้าแรกในการนำมาใช้งานในรถยนต์ ซึ่งก่อนสั่งงานทุกครั้งต่อพูดคำว่า “ฮัลโล เอ็มจี” และตามด้วยคำสั่ง ระบบนี้เองทำให้แอดมิน ประทับใจมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่คาดหวังว่าจะทำได้ดี แต่กว่าจะลงตัวก็ต้องอาศัยความคุ้นเคยกับการสั่งงานการเปร่งเสียง และน้ำหนักของเสียง แต่พอคุ้นก็สามารถสั่งวานได้อย่างแม่นยำและถูกต้อง ติดตั้งลำโพง 6 ตัวหน้า/หลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิทอล เบาะนั่งออกแบบได้ดี นั่งสบายท้งหน้า/หลัง เบาะหลังปรับพับแยกส่วน 60:40 ได้พื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายปรับได้ 2 ระดับ โดยปรับระดับเพิ่มขึ้นได้อีก 10 ซม.

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

จุดเด่นสำคัญของ เอ็มจี เซดเอส อยู่ที่ระบบควบคุม I-SMART ที่สามารถแบ่งการสั่งงานได้ 3 วิธี คือ 1.ผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย 2.สั่งงานผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ 3.สั่งงานผ่านแอพพลิเคชันจากสมาร์ทโฟน ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ และเปิดระบบปรับอากาศ ลอค/ปลดลอคประตู ระบบวางแผนการเดินทาง ระบบขอบเขตอีเลคทรอนิค และระบบค้นหารถ (FIND MY CAR) ค้นหาจุดหมาย ด้วยสมาร์ทเนวิเกเตอร์ รวมถึงตรวจสอบสภาพการจราจรได้แบบเรียลไทม์ สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่ ระบบเลขาส่วนตัว ไอ-คอลล์ (I-CALL) ระบบโทรออก/รับสายในกรณีฉุกเฉิน ผ่านโทรศัพท์มือถือ เพียงโหลดแอพพลิเคชั่นของ MG พร้อมกับตั้งรหัสผ่านและโค๊ด เพียงเท่านี้ก็สามารถควบคุมการสั่งงานผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของท่านได้แล้ว

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

วัดเสียงเสียงรบกวนในห้องโดยสาร เปิดแอร์เบอร์ 1 อุณหภูมิ 25 องศา แบบขับใช้งานทั่วไปวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ระดับเสียงอยู่ที่ 56/59/63/68 เดซิเบล จัดเป็นรถที่สามารถเก็บเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดี แม้ว่าจะมีพื้นที่ส่วนของกระจกค่อนข้างเยอะก็ตาม

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

เครื่องยนต์เบนซิน DOHC V-TECH 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. หรือ 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รตน. ชุดส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode

แรกเริ่ม แอดมินก็ลุ้นว่า เกียร์ 4 จังหวะ กับเครื่องยนต์ แค่ 1.5 ลิตร จะไหวหรือไม่ แต่พอมานึกถึงระบบเกียร์ดูอัลคลัทช์ใน MG GS รุ่นพี่ แต่ยังมีจังหวะการปรับเปลี่ยนเกียร์ไม่สมูท ก็ขอเลือกเอาเกียร์ 4 จังหวะที่ทนทานและปรับอัตราทดให้สัมพันธ์กันดีกว่า

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

จากการทดสอบรถรุ่นนี้ อัตราเร่งแม้จะไม่จัดจ้าน หวือหวา แต่เพียงพอสำหรับการใช้งาน  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. หรือช่วงออกตัว (ตีนต้น) ทำได้ 15.3 วินาที อัตราเร่ง ควอเตอร์ไมล์ หรือ 0-402 ม. เวลา 20.0 วินาที ความเร็ว 112.6 กม./ชม. อัตราเร่งทางยาว (ตีนปลาย) 0-1,000 ม. ทำได้ 36.6 วินาที ที่ความเร็ว 142.7 กม./ชม. ความเร็วปลายจากการทดสอบทำได้ถึง 156.8 กม./ชม.

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

ช่วงจังหวะเร่งแซง 60-100 กม./ชม. ทำได้ 8.9 วินาที (เร่งแซงในเมือง) และช่วงจังหวะเร่งแซงในเมือง 80-120 กม./ชม. ทำได้ 12.7 วินาที (เร่งแซงนอกเมือง) เรียกว่าทำได้พอตัว

ผลทดสอบโดยเฉพาะอัตราเร่งไม่ได้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร หรือ 1.8 ลิตร แน่นอน แต่ดูจากตัวเลข MG ZS ก็ตามไม่ห่าง เทียบกับคู่แข่ง อย่าง นิสสัน จู๊ค เครื่องยนต์ เบนซิน 1.6 ลิตร และ ฮอนด้า บีอาร์-วี อัตราเร่งยังเป็นรองเล็กน้อย เพราะแม้จะใช้เครื่องยนต์ขนาดใกล้เคียงกัน แต่ขนาดตัวรถของ MG ZS นั้นใหญ่กว่า

ด้านอัตราสิ้นเปลืองจากการใช้งานจริง วัดอัตราสิ้นเปลืองขณะขับใช้งานในเมือง สามารถทำได้ เฉลี่ยประมาณ 9-10 กม./ลิตร อัตราสิ้นเปลืองขณะขับใช้งานนอกเมือง ทำได้เฉลี่ยในช่วง 11-12 กม./ลิตร

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

การควบคุมรถ จัดว่าทำได้ใกล้เคียงรถยุโรป ใช้ระบบพวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า พร้อมโหมดการปรับน้ำหนักของพวงมาลัย 3 ระดับได้แก่ COMFORT/NORMAL/SPORT พร้อมกับมีรัศมีวงเลี้ยว 5.6 ม. ทำให้ขับใช้งานในเมืองคล่องตัว

การบังคับควบคุมรถทำได้ดี ช่วงล่างนุ่มแต่มั่นคง ตัวรถนิ่งใกล้เคียงยุโรป หรือแบรนด์หรูชั้นนำ การทำงานของเบรกหนักแน่น มั่นใจ ไม่พบอาการร่อนของช่วงล่าง

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

ระบบเบรกหน้าแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้ามีช่องระบายความร้อน จกการทดสอบพบว่าประสิทธิภาพเบรกของ เอ็มจี เซดเอส นั้นมั่นใจมาก ทดสอบเบรกในเมือง ความเร็วต่ำ 60-0 กม./ชม. ทำได้ 15.0 ม และเบรกที่ความเร็วสูง หรือเบรกนอกเมือง 100-0 กม./ชม.จนหยุดนิ่ง ทำได้ 42.0 ม. พอสรุปได้ว่าเบรกของรถคันนี้นอกจากจะมีฟีลลิ่งของน้ำหนักเบรกที่ดี ระยะเบรกยังไว้ใจได้อีกด้วย

MG ZS 1.5 X ครอสโอเวอร์ ยุค 4.0

ระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System 9 ระบบทำงานผสานเป็นหนึ่งเดียว มีโครง สร้างตัวถังนิรภัย พร้อมถุงลมนิรภัย 6 จุด คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย ระบบป้องกันล้อล็อค ระบบช่วยกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรคฉุกเฉิน ไฟส่องสว่างนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ จุดยึดเบาะที่นั่งเด็ก ISOFIX

หลังการทดสอบรถคันนี้เสร็จสิ้น แอดมินพบว่า เอ็มจี เซดเอส (MG ZS) ไม่ได้มีดีแค่ราคาเท่านั้น อปุกรณ์และฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ติดตั้งมา บางอย่างล้ำสมัยเหนือคู่แข่งในตลาดแล้ว ฟีเจอร์ใช้งานง่ายแถมช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้รถรุ่นนี้มีราคามากขึ้น หากไม่ซีเรียส เรื่องสมรรถนะ ขับใช้งานทั่วไปเรียกว่าสบาย ช่วงล่างดี เบรกมั่นใจ ฟันธง!

SPECIFICATION MG ZS 1.5 X
มิติตัวถัง
ความยาว 4,314 มม.
ความกว้าง 1,809 มม.
ความสูง 1,624 มม.
ระยะฐานล้อยาว 2,585 มม.
ระยะฐานล้อคู่หน้า 1,526 มม.
ระยะฐานล้อคู่หลัง 1,534 มม.
เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดมัลติพอยท์
ความจุกระบอกสูบ 1,498 ซีซี
กำลังสูงสุด 114 แรงม้า (84 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รตน.
แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รตน.
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 75/84.8
อัตราส่วนกำลังอัด 11.5:1
พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า พร้อมโหมดการปรับน้ำหนักของพวงมาลัย
รัศมีวงเลี้ยว 5.6 ม.
ช่วงล่างด้านหน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม
ระบบเบรก
หน้า ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
ระบบความปลอดภัย
ABS – Anti-lock Braking System ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกฉุกเฉิน
EBD – Electronic Brake Force Distribution ระบบช่วยกระจายแรงเบรก
EBA – Electronic Brake Assist ระบบเสริมแรงเบรก
TCS – Traction Control System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
CBC – Curve Brake Control ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง
SCS – Stability Control System ระบบควบคุมการทรงตัว
HAS – Hill Start Assist System ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน

Leave a Reply